January 10, 2021

เลือกลูกค้าได้ดี มีกำไรมากขึ้นด้วย LTV(Customer Lifetime Value)

Chanin Nirapai
Digital Marketer
เลือกอ่านตามหัวข้อย่อย

รู้จักกับ The Spidery ทีมการตลาดออนไลน์

เรามุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ วัดผลได้
เราวัดผลกิจกรรมทางการตลาดที่นำมาซึ่งยอดขายและผลตอบแทนจากการลงทุน
ดูแลครบจบทุกองค์ประกอบการตลาด
ประหยัดเวลาของคุณได้มากขึ้น เราดูแลทั้งกระบวนการการตลาด นำเสนอแผนที่เหมาะสมกับธุรกิจคุณมากที่สุด
ราคาเท่ากับจ้างพนักงาน เริ่มต้น 9000฿
แต่คุณจะได้ทีมงานคุณภาพมากประสบการณ์ไปทั้งทีม และไม่ต้องห่วงเราทำงานเพื่อผลลัพธ์เหมือนพนักงานในบริษัทคุณ
แชร์

LTV คือรายได้ที่เราจะได้จากลูกค้าหนึ่งคนในตลอดช่วงเวลาที่เขาจะยังคงเป็นลูกค้าในธุรกิจของเรา ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์รถยนต์จะมีรายได้จากลูกค้า 1 รายในช่วงเวลา 15 ปี เป็นจำนวน 2 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการขายรถยนต์ บริการซ่อมบำรุง หรือการขายอะไหล่รถยนต์ LTV ของแบรนด์รถยนต์นี้จะมีรายได้จากลูกค้า 2 ล้านบาท

แล้วจะคำนวณ LTV ไปทำไม

• ทำให้เราเลือกลูกค้าที่ดีต่อธุรกิจของเราในระยะยาวได้ ถ้าหากเรารู้ว่าลูกค้ากลุ่มไหนที่เราคำนวณแล้วเห็นว่ามี LTV มากที่สุด

• ทำให้เราสามารถเลือกปรับปรุงรูปแบบธุรกิจเพื่อการสร้างรายได้ให้มากขึ้นและเพื่อให้ลูกค้าอยู่กับแบรนด์ของเราได้นานขึ้น

• รู้กำไรในระยะยาวและสามารถกำหนดต้นทุนในการสร้างลูกค้าใหม่

วิธีการคำนวน LTV อย่างง่ายโดยเริ่มที่...

A. หาค่าเฉลี่ยรายได้จากลูกค้าแต่ละรายก่อน

โดยการนำรายได้ที่ได้จากลูกค้าทั้งหมดรวมกันและหารด้วยจำนวนของลูกค้า เช่น รายได้ทั้งหมดเท่ากับ 1,000 บาท จากลูกค้า 10 คน เราก็นำ 1,000 หารกับ 10 เท่ากับ 100

ดังนั้น ลูกค้าจ่ายเงินให้ธุรกิจของเราเฉลี่ยรายละ 100 บาท

B. หาค่าเฉลี่ยของจำนวนครั้งที่ซื้อของลูกค้าแต่ละรายในช่วงเวลา 1 สัปดาห์

ตัวอย่าง ลูกค้า 3 คน

คนที่ 1 ซื้อ 0.5 ครั้ง/สัปดาห์ คนที่ 2 ซื้อ 1 ครั้ง/สัปดาห์ คนที่ 3 ซื้อ 6 ครั้ง/สัปดาห์ เมื่อเอาจำนวนครั้งที่ซื้อมารวมกันและหารด้วยจำนวนลูกค้าทั้งหมดแล้วก็จะเท่ากับ 0.5 บวกกับ 1 บวกกับ 6 หารกับ 3 เท่ากับ 2.5

ดังนั้น ลูกค้าจ่ายเงินให้ธุรกิจของเราเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2.5 ครั้ง

C. หาค่าเฉลี่ยของยอดขายจากลูกค้าแต่ละรายในหนึ่งสัปดาห์

โดยการนำจำนวนครั้งที่ลูกค้าแต่ละรายใช้จ่ายกับเราคูณด้วยจำนวนเงินที่ซื้อ(ภายในหนึ่งสัปดาห์) หลังจากนั้นให้นำผลลัพธ์มาหารกับจำนวนลูกค้าทั้งหมด

ตัวอย่าง

ลูกค้าคนที่ 1 ใช้จ่าย 2 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเงิน 150 บาท เท่า (2 หารกับ 150 เท่ากับ 300) ลูกค้าใช้จ่าย 300 บาท/สัปดาห์

ลูกค้าคนที่ 2 ใช้จ่าย 3 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเงิน 70 บาท (3 หารกับ 70 เท่ากับ 210) ลูกค้าใช้จ่าย 210 บาท/สัปดาห์

ลูกค้าคนที่ 3 ใช้จ่าย 1 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเงิน 300 บาท (1 หารกับ 300 เท่ากับ 300) ลูกค้าใช้จ่าย 300 บาท/สัปดาห์

หลังจากนั้นนำผลลัพธ์ทั้งหมดมารวมกัน 300 บวกกับ 210 บวกกับ 300 เท่ากับ 810

แล้วหารด้วยจำนวนลูกค้าทั้งหมดก็จะเป็น 810 หารกับ 3 เท่ากับ 270

ก็แปลว่าลูกค้าจ่ายเงินให้ธุรกิจของเราเฉลี่ยสัปดาห์ละ 270 บาท

ขั้นตอนสุดท้าย 52(C)xT

นำ 52 คูณกับผลลัพท์ของข้อ C และนำไปคูณกับจำนวนปีที่ลูกค้าจะอยู่กับธุรกิจของเรา

เช่น (52 คูณกับ 270) คูณกับ 5(ปี) เท่ากับ 70,200 บาท

และนี่คือ LTV ของเรานั่นเอง

(ตัวเลข 52 คือจำนวนสัปดาห์ / 1 ปีมี 52 สัปดาห์)

หากมีคำถามหรือข้อโต้แย้งสามารถคอมเมนต์แลกเปลี่ยนกันได้เลย! หากชอบคอนเทนต์แบบนี้ฝากกดแชร์เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่กำลังสนุกกับการทำธุรกิจแล้วเติบโตไปด้วยกัน

บทความนี้มีประโยชน์
มากน้อยเพียงใด ?
Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.

บทความแนะนำ

ดูบทความทั้งหมด →

STP คืออะไร วิธีใช้ให้เกิดประโยชน์ในการทำตลาดพร้อมตัวอย่าง

เสื้อไซต์เดียวไม่สามารถทำให้ใส่ได้ทุกคน การเลือกกลุ่มเป้าหมายในตลาดเพื่อขายสินค้าและบริการก็เช่นเดียวกัน STP Marketing จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ความเหมาะสมระหว่างสินค้าและบริการกับกลุ่มเป้าหมาย

อ่านต่อ →

TOWS Matrix คืออะไร ช่วยคุณวางกลยุทธ์ให้ดีขึ้นได้อย่างไร

หากคุณค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลมาแล้วไม่สามารถนำมาวางกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจว่าครอบคลุมทุกมุมมอง TOWS Matrix จะมาช่วยวางกลยุทธ์ได้อย่างรัดกุมมากยิ่งขึ้น

อ่านต่อ →

Vision, Mission, Value คืออะไร ถ้าไม่มีจะส่งผลกับธุรกิจอย่างไร

ปัญหาหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นกับธุรกิจจากการมีทิศทางขององค์กรไม่ชัดเจน การสร้าง Vision, Mission, Value ขององค์กรของคุณจะช่วยประหยัดทรัพยากรณ์และลดข้อผิดพลาดได้ในระยะยาว

อ่านต่อ →
The spidery

บริษัทการตลาดออนไลน์ที่ดูแลคุณแบบครบรอบด้าน ช่วยธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วและคุ้มค่ากว่าที่เคย

©Copyright 2024 by The Spidery. All rights reserved  Privacy Policy Cookie Setting